Published On: พฤษภาคม 30, 2023

เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล มุ่งขยายธุรกิจต่อเนื่องในระดับสากล เตรียมเปิดสำนักงานใหม่ ณ เมืองริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย พร้อมขยายโอกาสทางธุรกิจ และเจาะโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (Giga-project) จากวิสัยทัศน์ 2030 ของ มกุฎราชกุมาร มุฮัมมัด บิน ซัลมาน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยไม่พึ่งพาน้ำมัน ผ่านการลงทุนในด้านต่างๆ เช่น ภาคการผลิต การท่องเที่ยว รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นโอกาสในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและที่อยู่อาศัย ที่จะอำนวยความสะดวกต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยในปี 2022 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีการกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการค้ากับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย จึงเปิดโอกาสทางธุรกิจให้กับ เครือเอสซีจี โดยเฉพาะ บริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นตัวแทนในการทำการค้าระหว่างประเทศ

scg-international-managing-director
scg-internatioal-new-office-saudi-arabia

“ซาอุดีอาระเบียถือเป็นมหาอำนาจในภูมิภาค และมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ซึ่ง บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จะเป็นบริษัทจากไทยอันดับต้นๆที่ไปตั้งสาขา ณ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย โดย เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล เล็งเห็นโอกาสในการสร้างเครือข่ายซัพพลายเชนระหว่างประเทศ จึงมีแผนการจัดตั้งสำนักงาน ณ เมืองริยาด เพื่อพร้อมที่จะตอบสนองการเติบโตของงานโครงการทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนมากมาย โดยใช้ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และเทคโนโลยีทางด้านวัสดุก่อสร้างของเอสซีจี ในการช่วยขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างของซาอุดีอาระเบีย บทบาทหลักของ เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คือการทำหน้าที่เป็นกุญแจสำคัญในการ เสาะแสวงหาคู่ค้าและโอกาสใหม่ๆ ผ่านการนำเสนอโซลูชันซัพพลายเชนครบวงจร ตั้งแต่การนำเข้าสินค้า และขนส่งไปยังลูกค้าปลายทาง เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายตั้งแต่ผู้ใช้สินค้าไปถึงกลุ่มผู้ผลิต ภายใต้กลุ่มสินค้าหลัก คือ ปูนซิเมนต์ วัสดุก่อสร้าง กระดาษและบรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงวัตถุดิบเพื่องานอุตสาหกรรม ตอกย้ำความเป็น Trusted International Supply Chain Partner ที่มีเครือข่ายทางธุรกิจมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก” นายอบิจิต ดัดต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าว

scg-international-green-business-solution

และในหลายปีที่ผ่านมานี้ เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดตัวกลยุทธ์ในการพัฒนา โซลูชันธุรกิจสีเขียว (Green Business Solutions) เพื่อสนับสนุนผู้ใช้ระดับองค์กรและผู้ประกอบการในประเทศไทย ในการช่วยลด carbon footprint และเข้าถึงเทคโนโลยี ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน
การใช้พลังงาน ผ่านโซลูชันสำหรับธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร (Battery Electric Vehicle : BEV) และโซลูชันด้านพลังงาน (Energy Solution) ครอบคลุมตั้งแต่ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (ESS) ที่เข้ามาช่วยกักเก็บพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ไว้ สำหรับใช้งานในช่วงที่มีการใช้ไฟฟ้าในปริมาณสูง และระบบไมโครกริด (Microgrid) เครือข่ายไฟฟ้าที่สามารถ
กักเก็บไฟได้ในตัวเอง และใช้สมาร์ทเทคโนโลยีในการกักเก็บและกระจายพลังงานไปใช้งานตามที่ต้องการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งสอดรับกับนโยบายเรื่อง ESG ของเครือเอสซีจีที่มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability)