
การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและยั่งยืน ไม่ใช่แค่แนวโน้ม แต่คือ “ความจำเป็น” ของภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบัน ในขณะที่พลังงานจากฟอสซิลมีแนวโน้มต้นทุนสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันภาครัฐและสังคมก็กดดันให้องค์กรลดการใช้คาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) ด้วยเหตุนี้ “เชื้อเพลิงชีวภาพ” หรือ “พลังงานชีวมวล” จึงก้าวมาเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและต้นทุน แต่การเปลี่ยนมาใช้พลังงานชีวมวลจำเป็นต้องมีพาร์ตเนอร์ที่จัดหาเชื้อเพลิงได้อย่างต่อเนื่อง มีคุณภาพ และคุ้มค่า อย่าง SCG International
พลังงานชีวมวลคืออะไร ? ทำไมถึงมีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน
พลังงานชีวมวล (Biomass Energy) คือ พลังงานที่ผลิตจากวัสดุอินทรีย์ที่ได้จากธรรมชาติหรือของเหลือจากเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และป่าไม้ โดยนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพในการผลิตพลังงานความร้อนหรือไฟฟ้า
แหล่งกำเนิดชีวมวล ได้แก่ พืชพลังงาน (ไม้โตเร็ว) เศษไม้เหลือใช้จากอุตสาหกรรม กะลาพืชผล เศษวัสดุจากภาคเกษตรอย่างแกลบ ฟาง
ข้อดีของพลังงานชีวมวล
พลังงานชีวมวลที่ใช้ในอุตสาหกรรมมีอะไรบ้าง ?
ในภาคอุตสาหกรรม การเลือกเชื้อเพลิงชีวมวลให้เหมาะสมไม่เพียงแค่ช่วยลดต้นทุนพลังงานและคาร์บอนฟุตพรินต์ แต่ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพระบบผลิตความร้อน ความเสถียรในการเผาไหม้ และภาพลักษณ์ด้านความยั่งยืนขององค์กรอีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจ SCG International ให้บริการจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลหลากหลายรูปแบบที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ดังต่อไปนี้
ไม้สับ (Wood Chips)
หรือที่หลายคนเรียกว่า “ไม้สับเชื้อเพลิง” เป็นเศษไม้หรือไม้เนื้ออ่อนอย่างยูคาลิปตัสที่ผ่านการสับให้มีขนาดเล็ก สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้โดยตรง ไม่ต้องนำมาแปรรูปก่อน เหมาะกับโรงงานที่มีหม้อไอน้ำหรือเตาเผาขนาดกลางถึงใหญ่ โรงงานอาหาร โรงสีข้าว โรงงานแปรรูปไม้ หรือโรงไฟฟ้าชีวมวล
ข้อดี
– มีราคาต่อหน่วยต่ำ ในราคาที่สมเหตุสมผล ที่สำคัญคือ ราคาไม่ค่อยผันผวน เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงฟอสซิล
– หาได้ง่ายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไม้ยูคาลิปตัส ไม้ยางพารา ไม้ผล หรือไม้เศรษฐกิจอื่น ๆ
– ให้ความร้อนสูง และเผาไหม้สะอาด โดยให้ค่าความร้อนอยู่ที่ 2,400-3,500 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัม.
– ช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น ส่งเสริมการจ้างงาน
ข้อจำกัด
– ค่าความชื้นสูง โดยไม้สับมักจะมีความชื้นอยู่ในช่วง 15-40% หากไม่ได้ผ่านกระบวนการอบแห้ง ทำให้ประสิทธิภาพในการเผาไหม้ต่ำลง และการใช้เศษไม้จากหลากหลายแหล่งที่มา ทำให้มีค่าความร้อนไม่คงที่
– ต้องมีระบบจัดเก็บที่มีคุณภาพ เพื่อลดปัญหาเรื่องเชื้อรา และอาจจะมีค่าดำเนินการจัดเก็บที่ค่อนข้างสูง
ชีวมวลอัดแท่ง (Biomass Pellet/Briquettes)
เป็นวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เช่น แกลบ ขี้เลื่อย เปลือกไม้ นำมาอัดแน่นเป็นแท่งหรือเป็นเม็ด เพื่อลดความชื้น และเพิ่มความหนาแน่นของพลังงาน เหมาะกับโรงงานที่ต้องการพลังงานความร้อนสม่ำเสมอ เช่น โรงงานอาหารสัตว์ โรงงานผลิตเซรามิก ผู้ประกอบการที่มีพื้นที่เก็บจำกัด
ข้อดี
– ให้ความร้อนที่คงที่และมีประสิทธิภาพ เมื่อใช้ในระบบที่เหมาะสม เนื่องจากมีความหนาแน่นและมีรูปร่างสม่ำเสมอ โดยค่าความร้อนอยู่ที่ 4,600-6,000 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัม
– เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ใช้ประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้ได้อย่างเต็มที่ และเพิ่มรายได้ของภาคเกษตรกรรม
ข้อจำกัด
– ต้องใช้เตาหรือระบบป้อนเชื้อเพลิงที่รองรับขนาดเม็ด/แท่งโดยเฉพาะ
– มีราคาที่สูงกว่าไม้สับเล็กน้อย อาจจะมีต้นทุนที่สูงกว่า
ชีวมวลอัดแท่งสีดำ (Black Pellet)
Black Pellet คือ ไม้อัดแท่งที่ผ่านกระบวนการทอร์ริเฟคชัน (Torrefaction) เป็นการให้ความร้อนในสภาวะไร้ออกซิเจนทำให้มีสีดำ กันน้ำ และพลังงานสูง ค่าความร้อนใกล้เคียงถ่านหิน แต่ปล่อยคาร์บอนน้อยกว่า เหมาะกับโรงไฟฟ้าอุตสาหกรรมที่ต้องการพลังงานความร้อนสูง
ข้อดี
– ค่าความร้อนสูงใกล้เคียงกับถ่านหิน ประมาณ 4,300-5,260 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัม จึงสามารถใช้ทดแทนถ่านหินในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– มีค่าความชื้นต่ำ และสารระเหยน้อย เก็บรักษาได้ง่าย และใช้งานได้อย่างปลอดภัย
– ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อเทียบกับถ่านหิน ช่วยลดมลพิษทางอากาศ
ข้อจำกัด
– ราคาสูงกว่าเชื้อเพลิงชีวมวลทั่ว ๆ ไป เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการอัดเม็ดที่มีคุณภาพสูง
– อาจต้องนำเข้า เนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีหรือกระบวนการผลิตเฉพาะ
กะลาปาล์ม (Palm Kernel Shell – PKS)
กะลาปาล์ม คือ เปลือกเมล็ดในผลปาล์ม มีลักษณะคล้ายถ่านเม็ดเล็ก เป็นเชื้อเพลิงที่เหมาะกับโรงงานปาล์ม โรงงานผลิตน้ำมัน โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปในภาคใต้ของไทย หม้อไอน้ำที่ออกแบบมาสำหรับเชื้อเพลิงเม็ดขนาดเล็ก
ข้อดี
– ให้ค่าความร้อนสูง ประมาณ 3,800-4,400 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัม ใกล้เคียงกับถ่านหิน
– ขนส่งง่าย เนื่องจากเม็ดเล็กและแห้ง และมีขี้เถ้าต่ำ น้อยกว่า 3-4%
– ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เนื่องจากเป็นวัสดุเหลือใช้จากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
ข้อจำกัด
– อาจเกิดเขม่าหรือมลพิษ หากระบบการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ กระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
– กำลังการผลิตในประเทศค่อนข้างผันผวน อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงต้องหามีผู้จัดหาวัตถุดิบจากภายนอกประเทศทดแทน
เศษวัสดุทางการเกษตร (Agricultural Waste)
ได้แก่ แกลบ ฟาง ข้าวโพด เปลือกมัน ใบอ้อย และอื่น ๆ โดยนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงโดยตรง เหมาะกับโรงไฟฟ้าชีวมวล โครงการพลังงานหมุนเวียนในพื้นที่ชนบท
ข้อดี
– ใช้วัตถุดิบเหลือใช้ในท้องถิ่น เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
– ลดปัญหาการเผาทิ้ง เพื่อกำจัดเศษวัสดุ ลดปัญหามลพิษทางอากาศ
– ต้นทุนต่ำ และมีจำนวนมาก สามารถหาได้ในพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งในไทยมีเศษวัสดุเหลือทิ้งหลายสิบล้านตันต่อปี
ข้อจำกัด
– คุณภาพไม่สม่ำเสมอ มีความผันผวนตามฤดูกาลและพื้นที่ปลูก ทำให้ขาดวัตถุดิบสำหรับผลิตเชื้อเพลิงที่ต่อเนื่อง
– มีความชื้นสูง ทำให้ประสิทธิภาพการเผาไหม้ลดลง ต้องมีระบบอบแห้งหรือคลังเก็บที่ดี
SCG International ผู้นำด้านการจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวล
เปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานสะอาดอย่างมั่นใจ เลือก SCG International พาร์ตเนอร์ด้านเชื้อเพลิงชีวภาพที่คุณไว้วางใจ เราพร้อมเป็นพาร์ตเนอร์คนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้เชื้อเพลิงชีวมวลคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นไม้สับ เชื้อเพลิงอัดแท่ง กะลาปาล์ม หรือ Black Pellet เรามีทีมงานมืออาชีพที่คัดสรรเชื้อเพลิงทางเลือก (Alternative Fuel Supplier) จากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ พร้อมวางแผนซัพพลายเชนให้คุณตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
หากสนใจจัดหาเชื้อเพลิงชีวมวลมาใช้ในธุรกิจ สามารถขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCG International
SCG International Corporation
ด้วยประสบการณ์ด้านการซื้อขายวัตถุดิบระหว่างประเทศ กว่า 45 ปี เราได้พัฒนาความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่วัตถุดิบอุตสาหกรรม วัสดุก่อสร้าง สินค้าบ้านและที่อยู่อาศัย กระดาษและบรรจุภัณฑ์ อาหารและเครื่องดื่ม วัสดุรีไซเคิล ไปจนถึงพลังงาน ความรู้ที่กว้างขวางนี้ทำให้เราเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือด้านซัพพลายเชนระดับโลก ทำให้สามารถให้ข้อมูลตลาดเชิงลึกที่มีประโยชน์และเชื่อถือได้ ผ่านการนำเสนอบทความที่รวบรวมมาจากประสบการณ์อันยาวนาน ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะสามารถจัดการกับความซับซ้อนของซัพพลายเชนได้อย่างมั่นคง