กรุงเทพฯ — เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SCG International Corporation) ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับทามีมี่ กรุ๊ป (Tamimi Group) โดยมีเป้าหมายความร่วมมือเพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มจากประเทศไทยและประเทศในอาเซียนเข้าสู่ตลาดซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล ในการขยายตลาดเข้าสู่ภูมิภาค SAMEA (เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา)
ความร่วมมือนี้นำโดยนายอบิจิต ดัดต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และนายอับดุลลา อัลมูทริฟ รองประธานกรรมการผู้จัดการ จากทามีมี่ กรุ๊ป กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในซาอุดีอาระเบียที่มีธุรกิจหลากหลาย ตั้งแต่อุตสาหกรรมก่อสร้างและศูนย์การค้าซูเปอร์มาร์เก็ต และมีนายวิโรจน์ รัตนชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทล ร่วมเป็นพยานกิตติมศักดิ์ภายในงาน ซึ่งบันทึกความเข้าใจ (MOU) นี้มุ่งเน้นให้เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นผู้จัดหาอาหารและเครื่องดื่มจากประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียวของทามีมี่ กรุ๊ป โดยมีเป้าหมายในการนำผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มคุณภาพสูงจากประเทศไทยและเอเชียไปสู่ผู้บริโภคในซาอุดีอาระเบีย ภายใต้ชื่อแบรนด์ “สยาม ซิกเนเจอร์” (Siam Signature) โดยจะจัดจำหน่ายผ่านทามีมี่ มาร์เก็ต (Tamimi Markets) แบรนด์ศูนย์การค้าของทามีมี่ กรุ๊ป ที่กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศซาอุดีอาระเบีย
นายอบิจิต ดัดต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ความสำเร็จจากความร่วมมือระหว่างเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล และทามีมี่ กรุ๊ป เกิดจากความทุ่มเทของทั้ง 2 บริษัท โดยเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล มีเป้าหมายที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชนระหว่างประเทศ จึงตั้งใจนำเข้าอาหารและเครื่องดื่มที่คัดสรรคุณภาพอย่างดีผ่านแบรนด์ “สยาม ซิกเนเจอร์” เข้าสู่ตลาดซาอุดีอาระเบีย และผมคาดหวังอย่างยิ่งว่า การลงนามความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นการเริ่มต้นของการก้าวสู่ความร่วมมือกันในอนาคต และต่อยอดไปถึงกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ของทามีมี่ กรุ๊ป”
ด้านนายอับดุลลา อัลมูทริฟ รองประธานกรรมการผู้จัดการ ทามีมี่ กรุ๊ป กล่าวว่า “ซาอุดีอาระเบียและประเทศไทยมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการเติบโตของทั้ง 2 ประเทศ ผมเชื่อว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบริษัทไทยที่จะเข้าสู่ตลาดซาอุดีอาระเบีย เช่นเดียวกับตลาดซาอุดีอาระเบียที่ช่วงนี้คือเวลาสำคัญในการขยายเศรษฐกิจไปยังต่างประเทศและสร้างนวัตกรรมที่ตอบสนองการเจริญเติบโตนี้ ซึ่งความร่วมมือกับเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น”
ความร่วมมือดังกล่าวเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล ในการขยายฐานธุรกิจทั่วโลก และมีส่วนร่วมในการเติบโตทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของตลาดซาอุดีอาระเบีย โดยทั้ง 2 บริษัทมีเป้าหมายที่จะนำเสนอคุณค่าที่เหนือกว่าและประสบความสำเร็จร่วมกันในภูมิภาคนี้