Site icon SCG International

ทำไมต้องมีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าและ Supplier อย่างเข้มงวด?

scg-international-inspection-service

“วัตถุดิบปนเปื้อน ไม่ได้มาตรฐานตามที่ตกลงไว้” “ติดฉลากผิด” “ลูกค้าส่งคืนสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน” สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นฝันร้ายที่ผู้ประกอบการไม่ต้องการจะเจอ ด้วยเหตุนี้ การตรวจสอบคุณภาพสินค้าและ Supplier จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ

การตรวจสอบคุณภาพสินค้าและ Supplier คืออะไร?

การตรวจสอบคุณภาพสินค้าและ Supplier คือ การตรวจสอบสินค้าที่ได้สั่งซื้อหรือสั่งผลิตจากซัพพลายเออร์ว่าตรงตามมาตรฐานที่กำหนดเอาไว้ในสัญญาหรือไม่ รูปแบบการตรวจสอบจะมีทั้งการให้บริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์เป็นผู้ตรวจสอบเอง หรือการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบสินค้าซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 เป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพ เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน และเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบ ซึ่งจะสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยเฉพาะการสั่งสินค้าจาก Supplier ที่อยู่ในต่างประเทศ

ทำไมการตรวจสอบคุณภาพสินค้าถึงสำคัญ?

การตรวจสอบคุณภาพสินค้า เป็นการลดความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยในการใช้สินค้า ลดค่าใช้จ่ายในการชดเชยค่าเสียหาย หรือการรับประกันสินค้าที่หลุดมาตรฐาน และที่สำคัญที่สุดคือ มั่นใจได้ว่าสินค้ามีกระบวนการผลิตและคุณภาพเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของประเทศที่ออกวางขาย เพราะหากว่าสินค้าโดนตีกลับหรือห้ามจำหน่ายทั้งล็อตการผลิต จะส่งผลเสียหายต่อธุรกิจ ไม่เพียงแค่ต้นทุนในการผลิตสินค้าใหม่ แต่ยังส่งผลถึงชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของแบรนด์และบริษัท

ในทางกลับกันถ้าหากแบรนด์สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง จนได้รับความน่าเชื่อถือจากผู้บริโภค การจำหน่ายสินค้าใหม่ก็จะง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะลูกค้ามีความเชื่อมั่นต่อสินค้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

ตัวอย่างสินค้าที่มีความอ่อนไหว และเสี่ยงต่อการปนเปื้อน

  • โลหะที่ไม่มีแร่เหล็กเป็นส่วนประกอบ (Non-Ferrous Scrap) ที่นำกลับมารีไซเคิลใหม่ได้ จะต้องมีการตรวจสอบวัสดุปนเปื้อนอย่างละเอียดทั้งความบริสุทธิ์ของโลหะ ความแม่นยำของน้ำหนัก การปนเปื้อน บรรจุภัณฑ์ที่ใส่วัสดุที่ต้องมีความแข็งแรงและไม่ฉีกขาดระหว่างการขนส่ง รวมถึงการปฏิบัติตามกฎระเบียบของแต่ละประเภท
  • เคมีภัณฑ์ (Chemicals) ที่ต้องใส่ใจทุกรายละเอียด เพื่อไม่ให้สินค้าโดนตีกลับ หรือห้ามนำเข้าประเทศปลายทาง โดยจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องความบริสุทธิ์ของสารเคมี การจัดเก็บ การติดฉลาก และการจัดการอย่างเหมาะสม ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • แป้งมันสำปะหลัง (Starch) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารและยา การควบคุมคุณภาพของสินค้า ไม่ให้มีการปนเปื้อน และการขนส่งที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ Supplier ต้องให้ความสำคัญ

ทำไมธุรกิจ B2B ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการตรวจสอบคุณภาพสินค้ามากขึ้น?

การตรวจสอบคุณภาพสินค้าเป็นหนึ่งในการส่งมอบคุณค่าให้กับธุรกิจ ซึ่งมากกว่าการส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพให้กับธุรกิจ โดยจะเป็นการส่งมอบคุณค่าสำหรับธุรกิจในแง่มุมดังต่อไปนี้

  • ลดความเสี่ยง ทั้งก่อน (Quality, Regulatory and Compliance Issues) และหลัง (ประกันสินค้า) เพื่อการส่งมอบสินค้าที่ได้ตามมาตรฐาน ทั้งมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม โดยปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานตามกฎหมายของแต่ละพื้นที่และในระดับนานาชาติ รวมถึงยังจะช่วยลดปริมาณการเคลมสินค้า ซึ่งอาจส่งผลต่อชื่อเสียงของบริษัท และเป็นภาพจำของแบรนด์ที่ยากจะแก้ไขในระยะเวลาอันสั้น
  • ได้ราคาสินค้าที่สมเหตุสมผลกับเงื่อนไขหรือข้อบังคับ (Requirement) ที่ตั้งไว้มากที่สุด
  • ยกระดับมาตรฐานสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล หรือเหนือกว่าคู่แข่ง โดยการระบุลักษณะเฉพาะ หรือมาตรฐานการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตรงตามที่ต้องการมากยิ่งขึ้น และตรวจสอบเพื่อให้มั่นใจว่าได้รับสินค้าตรงตามคุณภาพที่กำหนด
  • เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น ด้วยชื่อเสียงที่เพิ่มมากขึ้นจากการผลิตสินค้าที่ได้คุณภาพ ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ลดปริมาณสินค้าตีกลับหรือขอเคลมประกันสินค้าหลังการจำหน่าย

การตรวจสอบคุณภาพสินค้า

การตรวจสอบคุณภาพสินค้าแต่ละประเภทจะใช้เกณฑ์มาตรฐานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งส่วนมากจะใช้เกณฑ์คะแนนระดับของคุณภาพที่ยอมรับได้ (Acceptable Quality Limit: AQL) ซึ่งเป็นค่าสูงสุดของจำนวนความบกพร่องที่เจอในการผลิต โดยจะพิจารณาถึงข้อบกพร่องและความไม่สอดคล้องต่าง ๆ ตามมาตรฐานที่ได้กำหนดเอาไว้ หรือถ้าในกรณีที่เป็นสินค้าประเภทอาหาร จะดำเนินการตรวจสอบตามแนวทางของ WHO Food Code (Codex Alimentarius)

อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบคุณภาพของสินค้าสามารถทำได้ 3 รูปแบบ ดังต่อไปนี้

1. วิธีตรวจสอบทุกชิ้น (Screening inspection)

มักจะใช้วิธีนี้กับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีความเกี่ยวข้องในเรื่องความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน หรือเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบสูง

ตัวอย่างเช่น การผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มักจะมีส่วนประกอบเล็ก ๆ ที่มีความสำคัญและส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยเหตุนี้ส่วนประกอบต่าง ๆ อย่างตัวเก็บประจุ ตัวต้านทาน และชิป จะต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อคัดเอาส่วนประกอบที่ชำรุดออกไป ไม่ให้ส่งผลต่อการทำงานของผลิตภัณฑ์

2. วิธีการสุ่มตัวอย่างจากแต่ละรุ่น (Lot by Lot Inspection or Sampling)

วิธีนี้จะใช้เวลาและค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการตรวจสอบทุกชิ้น มักจะใช้กับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความพึงพอใจของลูกค้า และมีความเสี่ยงในระดับปานกลางไปถึงสูง

ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่มีการผลิตเสื้อผ้าในปริมาณมากต่อหนึ่งล็อต จึงนำเอาวิธีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าโดยการสุ่มตัวอย่างมาใช้ เพื่อให้มั่นใจว่าการตัดเย็บ เนื้อผ้า และส่วนประกอบอื่น ๆ เป็นไปตามมาตรฐาน ในกรณีที่พบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานจะต้องผลิตใหม่ทั้งล็อต

3. วิธีตรวจสอบตามขบวนการผลิต (Process Inspection)

เป็นการสุ่มตรวจชิ้นงานระหว่างการผลิต ทำให้สามารถแก้ไขได้ทันที ลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสินค้าทั้งล็อต มักใช้กับผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงปานกลาง

ตัวอย่างเช่น การผลิตรถยนต์ จะมีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าในแต่ละขั้นตอนการผลิตอย่างละเอียด ตั้งแต่การเชื่อมไปจนถึงการทาสี เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามขั้นตอนและได้มาตรฐานการผลิตที่ถูกต้อง มีความปลอดภัยสูง

inspection-scg-international

การตรวจสอบสถานที่ผลิตสินค้าของซัพพลายเออร์

นอกจากการตรวจสอบคุณภาพสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่ผลิตแล้ว ยังมีการตรวจสอบด้านสถานที่ผลิตสินค้าของซัพพลายเออร์
ซึ่งแบ่งเป็น 5 รูปแบบดังต่อไปนี้

1. การควบคุมการผลิตขั้นต้น (Initial Production Check: IPC)

เป็นการตรวจสอบวัตถุดิบ ไปจนถึงกระบวนการจัดเก็บวัตถุดิบว่ามีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่ เพราะการใช้วัตถุดิบที่คุณภาพต่ำจะส่งผลให้สินค้าหรือผลิตภัณฑ์มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน และไม่เป็นไปตามข้อกำหนดที่ตกลงไว้ได้

2. การควบคุมระหว่างการผลิต (During Production Inspection: DUPRO)

เป็นการตรวจสอบคุณภาพสินค้าและผลิตภัณฑ์เมื่อผลิตไปแล้ว 20-50% โดยจะทำการตรวจสอบว่ากระบวนการทั้งหมดเป็นไปตามเงื่อนไข กระบวนการ และคุณภาพตามที่ได้ตกลงกันไว้หรือไม่ หากเจอข้อผิดพลาดจะได้แก้ไขและปรับปรุงให้ได้มาตรฐาน ช่วยประหยัดเวลาและงบประมาณในการดำเนินงาน

3. การติดตามผลิตภัณฑ์รายวัน (Daily Production Monitoring)

เป็นการตรวจสอบคุณภาพสินค้าในทุกวันที่มีการผลิต เพื่อให้ได้คุณภาพและมาตรฐานตามที่กำหนด ส่วนใหญ่จะเป็นการตรวจสอบของโรงงานที่ผลิตสินค้าเอง

4. การตรวจสอบก่อนการขนส่ง (Pre-Shipment Inspection: PSI)

เป็นการสุ่มสินค้ามาตรวจสอบเมื่อมีการผลิตไปแล้วเกือบทั้งหมด หรือเกินกว่า 80% เป็นการตรวจสอบคุณสมบัติของสินค้าอีกครั้งว่าเป็นไปตามข้อกำหนดที่ได้ตกลงกันไว้หรือไม่ รวมถึงตรวจสอบเรื่องเอกสารว่าได้ปฏิบัติตามข้อบังคับและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของประเทศปลายทางหรือไม่ ก่อนที่จะแพ็กและเตรียมนำส่งสินค้า

5. การควบคุมการขนสินค้าขึ้นคอนเทนเนอร์ (Container Loading Check: CLC)

เมื่อผลิตสินค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือ การตรวจสอบการบรรจุและแพ็กสินค้า และการขนส่ง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายขึ้นระหว่างทาง

ข้อดีของการใช้บุคคลที่ 3
ในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าและ Supplier

ปัจจุบันการจัดหาสินค้า ไม่ได้จำกัดเพียงในประเทศเท่านั้น แต่ยังสามารถค้นหาซัพพลายเออร์ดี ๆ จากทั่วโลกได้ ดังนั้น การใช้บุคคลที่ 3 ในการตรวจสอบคุณภาพสินค้าที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จะส่งผลดีต่อธุรกิจดังนี้

  • Global Supply Chains: ลดความกังวลด้านกฎระเบียบ ภาษา และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไปของแต่ละประเทศ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ การใช้ผู้ตรวจสอบท้องถิ่นที่มีความเชี่ยวชาญจะช่วยลดข้อผิดพลาด และสามารถตรวจสอบสินค้าให้เป็นไปตามกฎระเบียบและข้อบังคับได้อย่างครบถ้วน

  • Specialized Knowledge: การตรวจสอบสินค้าจะต้องใช้ความรู้เฉพาะด้าน และอุปกรณ์ในการตรวจสอบที่แม่นยำ ตัวอย่างเช่น สินค้าบางประเภทนอกจากการตรวจสอบตัวคุณภาพสินค้าแล้ว ต้องมีบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานเพื่อป้องกันความชื้นและการปนเปื้อนต่าง ๆ ซึ่งการใช้บุคคลที่ 3 ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจะสามารถให้คำแนะนำและช่วยตรวจสอบได้

  • Objectivity and Neutrality: มีความเที่ยงตรงและเป็นกลาง ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนทำให้เกิดอคติในการตรวจสอบคุณภาพของสินค้า

  • Evolving Standards and Regulations: การปรับเปลี่ยนระเบียบข้อบังคับทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับสากลอาจเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ที่ตรวจสอบและอัปเดตข้อบังคับอยู่เสมอ

  • Resource Limitations: มีทรัพยากรในการตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่งการตรวจสอบด้วยตนเอง อาจมีทรัพยากรบุคคลและเครื่องมือที่ไม่เพียงพอต่อการตรวจสอบได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะการตรวจสอบที่มีความซับซ้อนและต้องใช้ความชำนาญสูง

  • Efficiency and Speed: ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จะช่วยให้การตรวจสอบมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  • Technological Advancements: บริษัทเหล่านี้มักจะมีการซื้ออุปกรณ์และนวัตกรรมเพื่อให้การตรวจสอบมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  • Cost-Effective: ช่วยลดเวลาในการเดินทาง ช่วยลดต้นทุน รวมถึงการลดงบประมาณในการจ้างพนักงานประจำ โดยเฉพาะหากไม่ได้มีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าทุกวัน

  • Relationship Management: ลดความขัดแย้งและอคติที่อาจจะเกิดขึ้นกับซัพพลายเออร์ ในการเผชิญหน้าตรวจสอบสินค้ากันแบบตรง ๆ ซึ่งอาจจะทำให้ความสัมพันธ์มีความตึงเครียด หากต้องปฏิเสธสินค้าหรือวิพากษ์วิจารณ์โดยตรง

  • Complex Documentation: การดูแลเรื่องเอกสารของแต่ละประเทศตามกฎระเบียบและขั้นตอนต่าง ๆ เป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนและยุ่งยาก โดยเฉพาะการค้าระหว่างประเทศ การใช้บริการด้านการจัดการเอกสารจากผู้ตรวจสอบก็จะช่วยลดความยุ่งยากในการดำเนินการได้

สำหรับธุรกิจที่ใช้กลยุทธ์ Global Sourcing ในการจัดหาสินค้าและวัตถุดิบ การตรวจสอบคุณภาพสินค้ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เป็นการบริหารความเสี่ยงและลดความผิดพลาดในการผลิตสินค้า ที่สำคัญคือ ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าฐานการผลิตของเราจะอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม

SCG International คือผู้เชี่ยวชาญด้านซัพพลายเชนระหว่างประเทศ มีบริการ Sourcing and Supplier Inspection Service ที่มีเครือข่ายซัพพลายเออร์คุณภาพกว่า 50 ประเทศจากทั่วโลกที่พร้อมส่งมอบวัตถุดิบและสินค้าให้คุณได้แบบไม่มีสะดุด และยังมี Solution อีกมากมายที่ช่วยติดปีกให้ธุรกิจคุณก้าวไกลไปทั่วโลก ด้วยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดหาสินค้าระหว่างประเทศ ที่พร้อมมอบบริการที่เหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละอุตสาหกรรม

ดูข้อมูลบริการและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่

Exit mobile version